วัดใหญ่นครชุมน์

อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

วัดใหญ่นครชุมน์ ตั้งอยู่ในชุมชนชาวมอญ  เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ ณ หมู่ที่ 6 ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี  ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายรามัญ ซึ่งอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เมื่อหลายร้อยปีก่อน นับจากปี พ.ศ. 2081-2084 ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช แห่งกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังมีการเดินทางเข้ามาอีกหลายระลอก ในช่วงสมัยอยุธยา ธนบุรี จนถึงต้นรัตนโกสินทร์ อพยพเข้ามาจากเมืองหงสาวดีประเทศพม่า เข้ามาพึ่งบรมโพธิสมภาร มารวมอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ประกอบอาชีพสุจริต ดำเนินชีวิตอย่างสงบราบเรียบ และใฝ่ธรรมป็นปกตินิสัยของชนชาติมอญ   สำหรับวัดใหญ่นครชุมน์ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้างมาแต่ ปี พ.ศ.ใด ตามข้อสันนิษฐานของคนเก่าแก่ในพื้นบ้านประกอบหลักฐานที่ค้นพบบางสิ่งบางประการ เชื่อว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่แห่งยุคทวาราวดี มีอายุกว่าพันปีมาแล้ว ซึ่งกลายเป็นวัดร้างแทบไม่เหลือซากปรักหักพังให้เห็น ต่อมาเมื่อมีชนชาติมอญอพยพเข้ามาอยู่ โดยสร้างหลักปักฐานมั่นคงแล้ว ได้สร้างวัดขึ้นใหม่ตรงที่วัดร้างเดิม แต่ยังเป็นเพียงสำนักสงฆ์ขนาดเล็กพอให้พระอยู่อาศัยชาวบ้านได้เข้าวัดทำบุญ ฟังเทศน์ฟังธรรม เป็นเนื้อนาบุญอันสำคัญ โดยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านซึ่งเป็นคนมอญเป็นอย่างดี ถึงเวลาสงกรานต์มีการทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา การเล่น ตามประเพณีโบราณ ยึดมั่นไม่เสื่อมคลายมาจนถึงปัจจุบัน    ศิลปะการก่อสร้างถาวรวัตถุภายในวัด เช่น กุฏิ ศาลา อุโบสถ พระเจดีย์ เป็นศิลปะของชาวมอญอย่างสมบรูณ์แบบ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้เป็นวัดโดยถูกต้องเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2484 คณะสงฆ์สังกัดมหานิกาย

พระอุโบสถหลังใหม่ของวัดใหญ่นครชุมน์  สร้างไว้ใหญ่โตกว่าหลังเก่า เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2538 
โบสถ์มีขนาดสัดส่วนที่ค่อนข้างใหญ่กว่าปกติทั่วไป
ภายในเพดานสูงมีภาพจิตรกรรมฝาหนังเต็มพื้นที่ จิตรกรรม ฝีมือประณีตงดงามทุกตารางเมตร(มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท)
พื้นอุโบสถ ปูพื้นด้วยไม้มะค่าเคลือบเงา สวยงามเหมือนหินแกรนิต
ซุ้มบุษบกประดิษฐานองค์พระประธานสวยงาม
อุโบสถหลังเก่า อยู่เคียงข้าง อุโบสถหลังใหม่

พระอุโบสถของวัด เป็นสถานโบราณวัตถุที่เก่าแก่มานานนับร้อยๆปีทางวัดจัดการซ่อมแซมมาโดยตลอด จนไม่สามารถจะซ่อมแซมให้ดีได้อีกต่อไป ปัจจุบันมีรอยแตกร้าวไปทั้งหลัง พระอธิการเทียนจำดำเนินการสร้างหลังใหม่   พระอุโบสถหลังเก่าให้คงอนุรักษ์ไว้ เป็นสมบัติของชาวบ้านตำบลนครชุมน์ และการทำตามพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงเสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่งส่วนพระองค์ผ่านและแวะนมัสการเจ้าอาวาสและพระประธานในพระอุโบสถ เมื่อปีพ.ศ. 2440 ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทให้แก่ประชาชน และทายกทายิกา ผู้มีศรัทธาบำรุงพระอารามนี้ไว้ให้นานๆให้รักษาขนธรรมเนียมประเพณีรามัญไว้ ด้วย ทั้งให้ชาวบ้านผู้มีศรัทธาและเจ้าอาวาสให้ดูแลรักษาวัดนี้ไว้ให้ดีด้วย และให้รักษาต้นศรีมหาโพธิ์ไว้เพื่ออยู่คู่พระอารามนี้จะได้งดงามต่อไป

ช่วงเวลา งานเทศกาลประเพณี เหมาะแก่การเที่ยวชม “วัดใหญ่นครชุมน์”
  • ซังกรานนครชุมน์   – วันที่ 13-15 เมษายน  เทศกาลสงกรานต์ของชาวมอญ  แปลกตาด้วยการแต่งกาย ภาษา อาหาร และพิธีกรรม เช่น การละเล่นสะบ้า การแสดงรำผีมอญ การจัดประกวดเทพีสงกรานต์นางสาวรามัญ การจัดนิทรรศการอาหารมอญ
  • ประเพณีเปิงสงกรานต์มอญ-ข้าวแช่  – วันที่ 13-15 เมษายน คนไทยเชื้อสายมอญลุ่มน้ำแม่กลองจัดสร้างศาลเพียงตาหรือฮ็อยซะเมิญซังกราน พร้อมเครื่องบูชา อาหาร(ข้าวแช่) ต้อนรับเทวดาองค์ใหม่ที่บริเวณหน้าบ้านตนแทบทุกครัวเรือน ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ การละเล่นพื้นบ้าน
  • ประเพณีงานบวชมอญ  – งานบวชมอญที่รักษาขนบธรรมเนียมไว้อย่างมั่นคง งานบวชที่เป็นบ่งบอกถึงอัตลักษณ์เชื้อสายมอญ สวยงามและสนุกสนาน
  • งานสมโภชวิหารปากี วัดใหญ่นครชุมน์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของวัด 2 องค์(ช่วงเวลา ขึ้นอยู่กับทางวัดกำหนด)
  • ประเพณีตักบัตรน้ำผึ้ง – วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 การตักบาตรน้ำผึ้งนี้ เพื่อจะถวายพระท่านไปทำเป็นน้ำกระสายยา หรือเป็นเภสัชสำหรับพระภิกษุสงฆ์ตามพระวินัย
  • ประเพณีออกพรรษา – ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ช่วงเช้า ตักบาตรเทโว ภาษาชาวบ้านเรียกว่าตักบาตรพระร้อย ซึ่งภาษามอญ เรียกว่า ล่งฮาเปียงซางกลอม  ช่วงบ่ายจัดการแข่งเรือยาวขึ้นในลำน้ำแม่กลองบริเวณหน้าวัด
  • ประเพณีแข่งเรือ – การแข่งขันกีฬาเรือยาวประเพณีวันออกพรรษา ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะจัด ตรงกับวันออกพรรษาของทุกปี โดยในแต่ละปีนั้นมีจำนวนเรือที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก
  • ทอดกฐิน – นิยมทำตั้งแต่แรมค่ำเดือน 11 -12
  • พิธีฑุคตะทาน – เป็นพิธีความเชื่อทางพุทธศาสนาของวัดมอญ   ส่วนวัดไทยไม่มีพิธีกรรมนี้ พิธีนี้มักจะกระทำทุก 3 ปี  จัดพิธีขึ้นในวันหนึ่งภายในช่วงเดือน 10 ถึงเดือน 11 โดยให้พระสงฆ์จับสลากชื่อของชาวบ้าน  หากได้ชื่อของใคร  คนนั้นก็จะทำการนิมนต์พระรูปนั้นให้ไปที่บ้านของตน ซึ่งถือเป็นความยินดีมากสำหรับชาวบ้าน ไม่ว่าจะมีฐานะการเงินเท่าใด ก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน
วิหารปากี

พระวิหารหลวงพ่อพญาแลภาษาพื้นเมืองเรียกว่าปากี เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของวัด 2 องค์ ปางพระพุทธไสยาสน์ กับปางประทานพรศิลปะการสร้าง เป็นแบบช่างฝีมือชาวมอญ สวยงามและแปลกตาไปอีกแบบ พระพุทธไสยาสน์ นับว่าแปลกกว่าที่เคยพบจากที่อื่น เพราะนอนตะแคงซ้ายสร้างด้วยปูนปั้น ส่วนพระพุทธรูปปางประทานพร เป็นพระประธานของวิหารสร้างด้วยโลหะผสมสีดำสนิท มีพระนามว่าหลวงพ่อพญาแล ภายหลังมีผู้บูรณะลงรักเคลือบทองเสียใหม่

ประวัติความเป็นมาของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แห่งนี้ชาวบ้านเรียกกันมาช้านานแล้วว่าปากีซึ่งอยู่เป็นศักดิ์ศรีแก่ชาวบ้าน นครชุมน์มาประมาณ 300 ปี ได้ตั้งสมมุติฐานไว้ 2 ประการคือ
1.สร้างไว้เพื่อเป็นเชิงเทินสอดส่องระวังข้าศึก ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้นได้เกิดศึกสงครามระหว่างไทยกับพม่าที่เรียก กันว่าสงครามเก้าทับ ท้าวพระยามอญทั้งหลายที่ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัติย์ไทย เมื่อครั้งรามัญพ่ายแก่พม่า ได้ขันอาสามาประจำหัวเมืองชายแดน เพื่อค่อยสกัดกันข้าศึก ไม่ให้เข้าถึงกรุงได้โดยง่าย จึงได้สร้างเชิงเทินนี้ไว้
2. สันนิฐานว่า ชาวมอญที่อพยภมาอยู่บริเวณนี้ ได้สร้างไว้เพื่อที่จะสร้างองค์พระเจดีย์ จำลองพระธาตุมุเตา แต่สร้างไม่สำเร็จจึงได้แต่ส่วนที่เป็นฐานเท่านั้น (พระธาตุมุเตาเป็นสัญลักณ์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมอัฏฐิของพระพุทธเจ้าที่ชาว มอญให้ความเคารพและศรัทธามาก จึงคิดที่จะจำลองเอาไว้เพื่อระลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน ) ลุล่วงมาจนถึงปัจจุบันนี้น่าจะมีอายุราว 300 กว่าปี ส่วนคำว่า ปากี นั้นน่าจะมาจากชื่อของผู้สร้างในครั้งแรก คือพระอาจารย์กี ภาษารามัญเรียกว่า อาจากี จนเรียกผิดเพี้ยนมาเป็น ปากี ในปัจจุบัน

แม่น้ำแม่กลอง หน้าวัดใหญ่นครชุมน์

แม่น้ำแม่กลอง สถานที่จัดการแข่งขันกีฬาเรือยาวประเพณีวันออกพรรษา ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะจัด ตรงกับวันออกพรรษาของทุกปี โดยในแต่ละปีนั้นมีจำนวนเรือที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก

ติดต่อวัด

โทร. ๐๓๒-๒๙๗-๓๔๖ , ๐๘๓-๕๔๒-๗๖๐๑

แผนที่